TCAS คืออะไร?

Cr.https://seniorswu.in.th/wp-content/uploads/2017/02/tcas_admission-61.png
มาใหม่ด้วยชื่อใหม่..! TCAS 61
หลังจากเมื่อวานนี้ (1 มิ.ย. 60) ทาง ทปอ.ได้แถลงข่าวเรื่องของระบบการสอบเข้ามหาวิทยาลัยปีการศึกษา 2561 แบบใหม่ ชื่อระบบ TCAS ทีแคส ทำให้หลายๆคนสับสนงุนงงว่า ระบบ TCAS 61 เป็นยังไงกันแน่
BUGABOO NEWS จะมาไล่เรียงให้เข้าใจกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของช่วงเวลาในการสอบเข้า จำนวนรับ หรือ รายละเอียดจำเป็น สำหรับ TCAS 61 จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย
TCAS หรือ Thai University Center Admission System คือ ชื่อใหม่ของระบบการรับสมัครคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาในระบบกลาง ปีการศึกษา 2561 ที่มีทั้งหมด 5 รอบ แต่ละรอบก็จะมีเงื่อนไขที่ต่างกัน ถ้าสอบติดในรอบไหนแล้วก็จะไม่สามารถสมัครในรอบต่อไปได้ โดยทั้ง 5 รอบประกอบไปด้วย
TCAS รอบที่ 1 รอบใช้แฟ้มสะสมผลงาน (Portfolio) : จำนวนรับ 44,258 คน
TCAS รอบที่ 2 รอบรับแบบโควตา : จำนวนรับ 68,050 คน
TCAS รอบที่ 3 รอบรับตรงร่วมกัน : จำนวนรับ 44,390 คน
TCAS รอบที่ 4 รอบแอดมิชชั่น : จำนวนรับ 34,744 คน
TCAS รอบที่ 5 รอบรับตรงอิสระ : จำนวนรับ 15,064 คน
เพราะฉะนั้น ระบบ TCAS จะรวมรับทั้งสิ้น 206,506 คน
คำถามต่อมา ระบบ TCAS เหมือนกับพวกระบบก่อนๆ หรือไม่? บอกเลยว่า TCAS ถือว่า *ไม่ใช่ระบบเอนทรานซ์ และไม่ใช่ระบบแอดมิชชั่น แต่เป็นระบบใหญ่กว่าที่มีรอบแอดมิชชั่นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของระบบเท่านั้น ซึ่งก็คือ กระบวนการในรอบที่ 4 นั่นเอง
ส่วนข้อดีของ ระบบ TCAS 61 นั่นก็คือ
ระบบ TCAS 61 นี้ จะช่วย ลด ความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย ลด การเดินทางสอบ ลด การได้เปรียบเสียเปรียบในเรื่องค่าใช้จ่ายในการสมัครสอบและอื่นๆ ลด ช่องทางการเสียโอกาสในการสอบติดหลายที่และไม่เรียน และให้นักเรียนได้ใช้เวลาในชีวิตมัธยมศึกษาให้มากที่สุด การสอบทั้งหมดจะเริ่มหลังจากที่เรียนจบ ม.6 แล้ว
โดยที่เด็กซิ่วก็มีสิทธิ์เท่ากับเด็ก ม.6 ปี 61 และจะสมัครโครงการไหนก็ได้ แต่ต้องยึดตามระเบียบการของแต่ละมหาวิทยาลัย
*****เอาล่ะ มาเช็ครายละเอียดและกำหนดการ ระบบ TCAS 61 ของทั้ง 5 รอบ กันดีกว่า เราสามารถแจกแจงง่ายๆได้ ดังนี้
TCAS รอบที่ 1 รอบใช้แฟ้มสะสมผลงาน (Portfolio)
>> รับตรงที่คัดเลือกโดยการใช้ Portfolio เป็นผู้ที่มีความสามารถพิเศษ (ไม่มีการสอบข้อเขียน) แต่จะเป็นการสมัครโดยตรงกับมหาวิทยาลัย ใช้เป็นการสมัครแบบออนไลน์ อัพโหลดเอกสารและอาจจะมีการอัพโหลดความสามารถของตนเอง เช่น อัดคลิปการรำ การร้องของตัวเอง ส่งให้โครงการรับตรงนั้นดู เป็นต้น
TCAS รอบที่ 2 รอบรับแบบโควตา (ไม่ได้รับทั่วประเทศ)
>> เช่น โควตาภาค โควตาโรงเรียนเครือข่าย โควตาพื้นที่ ผู้สมัครสามารถสมัครได้ที่มหาวิทยาลัย ซึ่งจะเน้นการใช้คะแนนกลาง (O-NET, GAT PAT, วิชาสามัญ) แต่สามารถจัดสอบวิชาเฉพาะเพิ่มเองได้ แต่ต้องไม่ใช่วิชาที่การสอบกลางมีอยู่แล้ว
โดยการจัดสอบต้องอยู่ในช่วง 24 ก.พ. - 12 เม.ย.61 และต้องไม่ทับกับ 3 ข้อสอบกลาง คือ O-NET, GAT PAT และ 9 วิชาสามัญ (สามารถจัดสอบวันธรรมดาได้)
TCAS รอบที่ 3 รอบรับตรงร่วมกัน / รับตรงทั่วไป (สมัครผ่านระบบ TCAS)
>> โดยโครงการของ กสพท ก็จะจัดอยู่ใน TCAS รอบ 3 นี้ด้วย
ในรอบนี้ สามารถเลือกได้ 4 อันดับ โดย กสพท นับเป็น 1 อันดับ ซึ่ง 3 อันดับที่เหลือ มีข้อบังคับว่า ห้ามเลือกคณะทับซ้อนกันกับ กสพท เช่น เลือกแพทย์ 4 อันดับใน กสพท แล้ว จะมาเลือกแพทย์อีก 3 อันดับไม่ได้
TCAS รอบที่ 4 รอบแอดมิชชั่น
TCAS รอบที่ 5 รอบรับตรงอิสระ
อย่างไรก็ตาม ระบบ TCAS จะไม่เอื้อให้กับนักเรียนที่สอบติดที่ใดที่หนึ่งไปแล้วทำการสอบใหม่ได้อีก นั่นหมายความว่า
*หากใครที่สอบติดในรอบก่อนแล้ว เช่น สอบติดในรอบที่ 2 ไปเรียบร้อยแล้ว จะไม่มีโอกาสสมัครในรอบต่อๆไป คือรอบที่ 3 4 5 ได้
เว้นแต่ว่า จะสละสิทธิ์ให้ทันเวลาตามที่ระบบกำหนดไว้ ก่อนที่ ทปอ. จะส่งรายชื่อให้มหาวิทยาลัย *ซึ่งรายละเอียดและกระบวนการการสละสิทธิ์ใดๆนั้น ก็จะขึ้นอยู่กับทางมหาวิทยาลัยแต่ละแห่งด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ รายละเอียดการรับสมัครผู้สมัคร สามารถเข้าไปศึกษาและติดตามข้อมูลได้ ตามเว็บไซต์ของสถาบัน หรือเว็บไซต์ทีแคส >> http://TCAS61.cupt.net
หลังจากเมื่อวานนี้ (1 มิ.ย. 60) ทาง ทปอ.ได้แถลงข่าวเรื่องของระบบการสอบเข้ามหาวิทยาลัยปีการศึกษา 2561 แบบใหม่ ชื่อระบบ TCAS ทีแคส ทำให้หลายๆคนสับสนงุนงงว่า ระบบ TCAS 61 เป็นยังไงกันแน่
BUGABOO NEWS จะมาไล่เรียงให้เข้าใจกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของช่วงเวลาในการสอบเข้า จำนวนรับ หรือ รายละเอียดจำเป็น สำหรับ TCAS 61 จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย
TCAS หรือ Thai University Center Admission System คือ ชื่อใหม่ของระบบการรับสมัครคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาในระบบกลาง ปีการศึกษา 2561 ที่มีทั้งหมด 5 รอบ แต่ละรอบก็จะมีเงื่อนไขที่ต่างกัน ถ้าสอบติดในรอบไหนแล้วก็จะไม่สามารถสมัครในรอบต่อไปได้ โดยทั้ง 5 รอบประกอบไปด้วย
TCAS รอบที่ 1 รอบใช้แฟ้มสะสมผลงาน (Portfolio) : จำนวนรับ 44,258 คน
TCAS รอบที่ 2 รอบรับแบบโควตา : จำนวนรับ 68,050 คน
TCAS รอบที่ 3 รอบรับตรงร่วมกัน : จำนวนรับ 44,390 คน
TCAS รอบที่ 4 รอบแอดมิชชั่น : จำนวนรับ 34,744 คน
TCAS รอบที่ 5 รอบรับตรงอิสระ : จำนวนรับ 15,064 คน
เพราะฉะนั้น ระบบ TCAS จะรวมรับทั้งสิ้น 206,506 คน
คำถามต่อมา ระบบ TCAS เหมือนกับพวกระบบก่อนๆ หรือไม่? บอกเลยว่า TCAS ถือว่า *ไม่ใช่ระบบเอนทรานซ์ และไม่ใช่ระบบแอดมิชชั่น แต่เป็นระบบใหญ่กว่าที่มีรอบแอดมิชชั่นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของระบบเท่านั้น ซึ่งก็คือ กระบวนการในรอบที่ 4 นั่นเอง
ส่วนข้อดีของ ระบบ TCAS 61 นั่นก็คือ
ระบบ TCAS 61 นี้ จะช่วย ลด ความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย ลด การเดินทางสอบ ลด การได้เปรียบเสียเปรียบในเรื่องค่าใช้จ่ายในการสมัครสอบและอื่นๆ ลด ช่องทางการเสียโอกาสในการสอบติดหลายที่และไม่เรียน และให้นักเรียนได้ใช้เวลาในชีวิตมัธยมศึกษาให้มากที่สุด การสอบทั้งหมดจะเริ่มหลังจากที่เรียนจบ ม.6 แล้ว
โดยที่เด็กซิ่วก็มีสิทธิ์เท่ากับเด็ก ม.6 ปี 61 และจะสมัครโครงการไหนก็ได้ แต่ต้องยึดตามระเบียบการของแต่ละมหาวิทยาลัย
*****เอาล่ะ มาเช็ครายละเอียดและกำหนดการ ระบบ TCAS 61 ของทั้ง 5 รอบ กันดีกว่า เราสามารถแจกแจงง่ายๆได้ ดังนี้
TCAS รอบที่ 1 รอบใช้แฟ้มสะสมผลงาน (Portfolio)
>> รับตรงที่คัดเลือกโดยการใช้ Portfolio เป็นผู้ที่มีความสามารถพิเศษ (ไม่มีการสอบข้อเขียน) แต่จะเป็นการสมัครโดยตรงกับมหาวิทยาลัย ใช้เป็นการสมัครแบบออนไลน์ อัพโหลดเอกสารและอาจจะมีการอัพโหลดความสามารถของตนเอง เช่น อัดคลิปการรำ การร้องของตัวเอง ส่งให้โครงการรับตรงนั้นดู เป็นต้น

TCAS รอบที่ 2 รอบรับแบบโควตา (ไม่ได้รับทั่วประเทศ)
>> เช่น โควตาภาค โควตาโรงเรียนเครือข่าย โควตาพื้นที่ ผู้สมัครสามารถสมัครได้ที่มหาวิทยาลัย ซึ่งจะเน้นการใช้คะแนนกลาง (O-NET, GAT PAT, วิชาสามัญ) แต่สามารถจัดสอบวิชาเฉพาะเพิ่มเองได้ แต่ต้องไม่ใช่วิชาที่การสอบกลางมีอยู่แล้ว
โดยการจัดสอบต้องอยู่ในช่วง 24 ก.พ. - 12 เม.ย.61 และต้องไม่ทับกับ 3 ข้อสอบกลาง คือ O-NET, GAT PAT และ 9 วิชาสามัญ (สามารถจัดสอบวันธรรมดาได้)

TCAS รอบที่ 3 รอบรับตรงร่วมกัน / รับตรงทั่วไป (สมัครผ่านระบบ TCAS)
>> โดยโครงการของ กสพท ก็จะจัดอยู่ใน TCAS รอบ 3 นี้ด้วย
ในรอบนี้ สามารถเลือกได้ 4 อันดับ โดย กสพท นับเป็น 1 อันดับ ซึ่ง 3 อันดับที่เหลือ มีข้อบังคับว่า ห้ามเลือกคณะทับซ้อนกันกับ กสพท เช่น เลือกแพทย์ 4 อันดับใน กสพท แล้ว จะมาเลือกแพทย์อีก 3 อันดับไม่ได้

TCAS รอบที่ 4 รอบแอดมิชชั่น

TCAS รอบที่ 5 รอบรับตรงอิสระ

อย่างไรก็ตาม ระบบ TCAS จะไม่เอื้อให้กับนักเรียนที่สอบติดที่ใดที่หนึ่งไปแล้วทำการสอบใหม่ได้อีก นั่นหมายความว่า
*หากใครที่สอบติดในรอบก่อนแล้ว เช่น สอบติดในรอบที่ 2 ไปเรียบร้อยแล้ว จะไม่มีโอกาสสมัครในรอบต่อๆไป คือรอบที่ 3 4 5 ได้
เว้นแต่ว่า จะสละสิทธิ์ให้ทันเวลาตามที่ระบบกำหนดไว้ ก่อนที่ ทปอ. จะส่งรายชื่อให้มหาวิทยาลัย *ซึ่งรายละเอียดและกระบวนการการสละสิทธิ์ใดๆนั้น ก็จะขึ้นอยู่กับทางมหาวิทยาลัยแต่ละแห่งด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ รายละเอียดการรับสมัครผู้สมัคร สามารถเข้าไปศึกษาและติดตามข้อมูลได้ ตามเว็บไซต์ของสถาบัน หรือเว็บไซต์ทีแคส >> http://TCAS61.cupt.net
ปฏิทินการสอบ

Cr.http://web.sut.ac.th/ces/wp-content/uploads/2017/07/04.jpg

Cr.http://www.admissionpremium.com/uploads/contents/20170804102730.png
.png)
Cr.http://static.trueplookpanya.com/tppy/member/m_525000_527500/525016/cms/images/TCAS%2061%20YEAR%20PLAN%20%E0%B8%9B%E0%B8%8F%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%9A%2061%20%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%20(s1000).png
.png)
Cr.http://http://static.trueplookpanya.com/tppy/member/m_525000_527500/525016/cms/images/TCAS%2061%20YEAR%20PLAN%20%E0%B8%9B%E0%B8%8F%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%9A%2061%20(3).png
Cr.https://www.youtube.com/watch?v=yxj0tncDZVI
.png)
Cr.http://http://static.trueplookpanya.com/tppy/member/m_525000_527500/525016/cms/images/TCAS%2061%20YEAR%20PLAN%20%E0%B8%9B%E0%B8%8F%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%9A%2061%20(3).png
มาทำความรู้จัก TCAS ให้มากขึ้นกัน
Cr.https://www.youtube.com/watch?v=eOKmwfGzkH4
Cr.https://www.youtube.com/watch?v=yxj0tncDZVI
👉👉👉เเจกฟรีคังข้อสอบ 9 วิชาสามัญ!!👈👈👈
👴👴https://campus.campus-star.com/education/24168.html👴👴
😄😄 คลังข้อสอบ GAT-PAT 😄😄
💫💫 https://forum.02dual.com/index.php?topic=1471.0💫💫
🌵🌵คลังข้อสอบ ONET🌵🌵
ปี 49 http://forum.02dual.com/index.php?topic=334.msg4908#msg4908
ปี 50 http://forum.02dual.com/index.php?topic=334.msg4907#msg4907
ปี 51 http://forum.02dual.com/index.php?topic=334.msg4906#msg4906
ปี 52 http://forum.02dual.com/index.php?topic=178.0
ปี 53 http://forum.02dual.com/index.php?topic=655.0
ปี 54 http://forum.02dual.com/index.php?topic=1505.0
ปี 55 http://forum.02dual.com/index.php/topic,9581.0.html
🌵🌵คลังข้อสอบ ONET🌵🌵
ปี 49 http://forum.02dual.com/index.php?topic=334.msg4908#msg4908
ปี 50 http://forum.02dual.com/index.php?topic=334.msg4907#msg4907
ปี 51 http://forum.02dual.com/index.php?topic=334.msg4906#msg4906
ปี 52 http://forum.02dual.com/index.php?topic=178.0
ปี 53 http://forum.02dual.com/index.php?topic=655.0
ปี 54 http://forum.02dual.com/index.php?topic=1505.0
ปี 55 http://forum.02dual.com/index.php/topic,9581.0.html
⏰⏰⏰⏰⏰⏰⏰⏰⏰⏰⏰⏰⏰⏰⏰⏰⏰⏰⏰⏰⏰⏰⏰⏰⏰⏰
ค่านิยม 12 ประการ

Cr.https://goo.gl/sfc7wk
1. ความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
นิยาม การประพฤติปฏิบัติตนที่แสดงถึงความสำนึกและภาคภูมิใจความเป็นไทยปฏิบัติตามหลักศาสนาที่ตนนับถือ และจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
2. ซื่อสัตย์ เสียสละ อดทน มีอุดมการณ์ในสิ่งที่ดีงามเพื่อส่วนรวม
นิยาม การประพฤติปฏิบัติตนที่แสดงถึงการยึดมั่นในความถูกต้อง ประพฤติตรงตามความเป็นจริงต่อตนเองและผู้อื่น ละความเห็นแก่ตัว รู้จักแบ่งปันช่วยเหลือสังคมและบุคคลที่ควรให้ รู้จักควบคุมตัวเองเมื่อประสบกับความยากลำบากและสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสียหาย
3. กตัญญูต่อพ่อแม่ ผู้ปกครอง ครูบาอาจารย์
นิยาม การประพฤติที่แสดงถึงการรู้จักบุญคุณ ปฏิบัติตามคำสั่งสอน แสดงความรัก ความเคารพ ความเอาใจใส่ รักษาชื่อเสียง และตอบแทนบุญคุณของพ่อแม่ ผู้ปกครอง และครูอาจารย์
4. ใฝ่หาความรู้ หมั่นศึกษาเล่าเรียนทั้งทางตรง และทางอ้อม
นิยาม การประพฤติปฏิบัติตนที่แสดงถึงความตั้งใจเพียรพยายามในการศึกษาเล่าเรียน แสวงหาความรู้ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. รักษาวัฒนธรรมประเพณีไทยอันงดงาม
นิยาม การปฏิบัติตนที่แสดงถึงการเห็นคุณค่า ความสำคัญ ภาคภูมใจ อนุรักษ์ สืบทอดวัฒนธรรมและประเพณีไทยอันดีงาม
6. มีศีลธรรม รักษาความสัตย์ หวังดีต่อผู้อื่น เผื่อแผ่และแบ่งปัน
นิยาม การประพฤติปฏิบัติตน โดยยึดมั่นในคำสัญญา มีจิตใจโอบอ้อมอารี ช่วยเหลือผู้อื่นเท่าที่ช่วยได้ ทั้งกำลังทรัพย์ กำลังกาย และกำลังสติปัญญา
7. เข้าใจเรียนรู้การเป็นประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขที่ถูกต้อง
นิยาม การแสดงถึงการมีความรู้ ความเข้าใจ ปฏิบัติตนตามหน้าที่และสิทธิของตนเอง เคารพสิทธิของผู้อื่นภายใต้การปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
8. มีระเบียบวินัย เคารพกฎหมาย ผู้น้อยรู้จักการเคารพผู้ใหญ่
นิยาม การปฏิบัติตนตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบังคับ และกฎหมายไทย มีความเคารพและนอบน้อมต่อผู้ใหญ่
9. มีสติรู้ตัว รู้คิด รู้ทำ รู้ปฏิบัติตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
นิยาม การประพฤติปฏิบัติตนอย่างมีสติรู้ตัว รู้คิด รู้ทำอย่างรอบคอบ ถูกต้องเหมาะสม และน้อมนำ
พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาเป็นหลักปฏิบัติในการดำเนินชีวิต
10. รู้จักดำรงตนอยู่โดยใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
นิยาม การดำเนินชีวิตอย่างพอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี มีความรู้ มีคุณธรรม และปรับตัวเพื่ออยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข ตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
11. มีความเข้มแข็งทั้งร่ายกาย และจิตใจ ไม่ยอมแพ้ต่ออำนาจฝ่ายต่ำ หรือกิเลสมีความละอายเกรง
กลัวต่อบาปตามหลักของศาสนา
นิยาม การปฏิบัติตนให้มีร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงปราศจากโรคภัย และมีจิตใจที่เข้มแข็ง มีความละอาย
เกรงกลัวต่อบาป ไม่กระทำความชั่วใด ๆ ยึดมั่นในการทำความดีของศาสนา
12. คำนึงถึงผลประโยชน์ของส่วนรวม และของชาติมากกว่าผลประโยชน์ของตนเอง
นิยาม การปฏิบัติตนและให้ความร่วมมือในกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม และประเทศชาติ ยอมเสียสละประโยชน์ส่วนตนเพื่อรักษาประโยชน์ของส่วนรวม
⏰⏰⏰⏰⏰⏰⏰⏰⏰⏰⏰⏰⏰⏰⏰⏰⏰⏰⏰⏰⏰⏰⏰⏰⏰⏰
ศาสตร์พระราชา

Cr.https://goo.gl/V2EfvF
ฝนหลวง (พ.ศ. 2498)

Cr.https://goo.gl/ecWZWe
ความเป็นมาของโครงการพระราชดำริฝนหลวง

ต้นกำเนิดโครงการพระราชดำริฝนหลวง

Cr.https://goo.gl/2kTfwX
โครงการพระราชดำริฝนหลวง เกิดขึ้นจากพระราชดำริส่วนพระองค์ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อคราวเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรในพื้นที่แห้งแล้งทุรกันดาร ๑๕ จังหวัด ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ระหว่างวันที่ ๒-๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๙๘ ในวันจันทร์ที่ ๑๔ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๙๘ เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์เดลาเฮย์ ซีดานสีเขียว จากจังหวัดนครพนมไปจังหวัดกาฬสินธุ์ ผ่านจังหวัดสกลนครและ เทือกเขาภูพาน ได้ทรงรับทราบถึงความเดือดร้อน ทุกข์ยากของราษฎร และเกษตรกรที่ขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค และการเกษตร เมื่อเสด็จพระราชดำเนินกลับถึงกรุงเทพมหานคร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หม่อมราชวงศ์เทพฤทธิ์ เทวกุล วิศวกรและนักประดิษฐ์ควายเหล็กที่มีชื่อเสียงเข้าเฝ้าฯ แล้วพระราชทานแนวความคิดนั้นแก่หม่อมราชวงศ์เทพฤทธิ์ เทวกุล

Cr.https://goo.gl/2kTfwX
จากทฤษฎีเริ่มแรกที่เกิดขึ้นหลังจากพระราชดำริ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ยังทรงใช้เวลาอีก ๑๔ ปี ในการวิเคราะห์วิจัย ทบทวนเอกสาร รายงานผลการศึกษาและข้อมูลต่างๆ พระราชทานให้ หม่อมราชวงศ์เทพฤทธิ์ เทวกุล เพื่อประกอบการค้นคว้าทดลองมาโดยตลอด
จาก พ.ศ. ๒๔๙๘ เป็นต้นมา ทรงศึกษาค้นคว้า และวิจัยทางเอกสาร ทั้งด้านวิชาการอุตุนิยมวิทยา และการดัดแปรสภาพอากาศ ซึ่งทรงรอบรู้ และเชี่ยวชาญ เป็นที่ยอมรับทั้งใน และต่างประเทศ จนทรงมั่นพระทัย จึงพระราชทานแนวคิดนี้แก่ หม่อมราชวงศ์เทพฤทธิ์ เทวกุล ผู้เชี่ยวชาญในการวิจัยประดิษฐ์ทางด้านเกษตรวิศวกรรม ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ขณะนั้น ในปีถัดมา และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้หาลู่ทางที่จะทำให้เกิดการทดลองปฏิบัติการในท้องฟ้าให้เป็นไปได้
![]() | ![]() | ![]() | ![]() |
Cr.https://goo.gl/2kTfwX
การทดลองในท้องฟ้าเป็นครั้งแรก จนถึงปี พ.ศ. ๒๕๑๒ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้จัดตั้งหน่วยบินปราบศัตรูพืชกรมการข้าว และพร้อมที่จะให้การสนับสนุนในการสนองพระราชประสงค์ หม่อมราชวงศ์เทพฤทธิ์ เทวกุล จึงได้นำความขึ้น กราบบังคมทูลพระกรุณาทรงทราบว่า พร้อมที่จะดำเนินการ ตามพระราชประสงค์แล้ว ดังนั้นในปีเดียวกันนั้นเอง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ทำการทดลองปฏิบัติการจริงในท้องฟ้าเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ ๑-๒ กรกฎาคม ๒๕๑๒ โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แต่งตั้งให้ หม่อมราชวงศ์เทพฤทธิ์ เทวกุล เป็นผู้อำนวยการโครงการ และหัวหน้าคณะปฏิบัติการทดลองเป็นคนแรก และเลือกพื้นที่วนอุทยานเขาใหญ่เป็นพื้นที่ทดลองเป็นแห่งแรกโดยทดลองหยอดก้อนน้ำแข็งแห้ง (dry ice หรือ solid carbondioxide) ขนาดไม่เกิน ๑ ลูกบาศก์นิ้ว เข้าไปในยอดเมฆสูงไม่เกิน ๑๐,๐๐๐ ฟุต ที่ลอยกระจัดกระจายอยู่เหนือพื้นที่ทดลอง ในขณะนั้น ทำให้กลุ่มเมฆ ทดลองเหล่านั้น มีการเปลี่ยนแปลงทางฟิสิกส์ของเมฆอย่างเห็นได้ชัดเจนเกิดการกลั่นรวมตัวกันหนาแน่น และก่อยอดสูงขึ้นเป็นเมฆฝนขนาดใหญ่ในเวลาอันรวดเร็วแล้วเคลื่อนตัวตามทิศทางลมพ้นไปจากสายตาไม่สามารถสังเกตได้ เนื่องจากยอดเขาบัง แต่จากการติดตามผล โดยการสำรวจทางภาคพื้นดิน และได้รับรายงานยืนยันด้วยวาจาจากราษฎรว่า เกิดฝนตกลงสู่พื้นที่ทดลองวนอุทยานเขาใหญ่ในที่สุด นับเป็นนิมิตหมายบ่งชี้ให้เห็นว่า การบังคับเมฆให้ เกิดฝนเป็นสิ่งที่เป็นไปได้
ตำราฝนหลวงพระราชทาน

(แผนภาพตำราฝนหลวงพระราชทาน)
ความหมายที่ขยายความจากแผนภาพตำราฝนหลวงพระราชทาน

แถวบนสุดของตำราฝนหลวงพระราชทาน
ช่องที่ 1. “นางมณีเมฆขลา”
เป็นเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์ของสำนักงานมณีเมฆขลา เป็นส่วนหนึ่งของสำนักงาน ฝล.
เป็นหัวหน้าสำนักงานอุตุนิยมวิทยา แห่งเขาไกรลาส หรือเขาพระสุเมรุ วิเทศะสันนิษฐานว่าอยู่ในทะเล
ช่องที่ 2. “พระอินทร์ทรงเกวียน”
พระอินทร์เป็นพระสักกะเทวราช เป็นราชาของเทวดา ที่ลงมาช่วยทำฝน
ช่องที่ 3. “21 มกราคม 2542”
เป็นวันที่ทรงประทับบนเครื่องบินพระที่นั่ง เสด็จไปประกอบพระราชกรณียกิจที่จังหวัดเชียงใหม่ ระหว่างเส้นทางพระราชดำเนินกลับ ทรงสังเกตเห็นกลุ่มเมฆปกคลุมพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างที่น่าจะทำฝนได้ ทรงบันทึกภาพเมฆเหล่านั้นพระราชทานลงมา และมีพระราชกระแสรับสั่งให้ส่งคณะปฏิบัติการฝนหลวงพิเศษออกไปปฏิบัติการกู้ภัยแล้งในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา และภาคเหนือตอนล่าง โดยเร่งด่วน
ช่องที่ 4. “เครื่องบิน 3 เครื่อง”
เป็นตัวอย่างของเครื่องบินที่เหมาะสมกับการปฏิบัติการตามตำราฝนหลวงพระราชทานตามขั้นตอนที่ 1 – 6 ประกอบด้วย
เครื่องบินเมฆเย็น (BEECHCRAFT KING AIR) (จำนวนที่เหมาะสม 1 เครื่อง)
เครื่องบินเมฆอุ่น (CASA) (จำนวนที่เหมาะสม 2 เครื่อง)
เครื่องบินเมฆอุ่น (CARAVAN) (จำนวนที่เหมาะสม 2 เครื่อง)

แถวที่ 1 ช่องที่ 1 – 3 เป็นขั้นตอนที่ 1 เป็นการเร่งให้เกิดเมฆโดยใช้เครื่องบินเมฆอุ่น 1 เครื่อง โปรยสารเคมีผงเกลือโซเดียมคลอไรด์ (NaCl) ที่ระดับความสูง 7,000 ฟุต ในขณะที่ท้องฟ้าโปร่งหรือมีเมฆเดิมก่อตัวอยู่บ้าง ความชื้นสัมพัทธ์ไม่ต่ำกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ ให้เป็นแกนกลั่นตัว (Cloud Condensation Nuclei) เรียกย่อว่า CCN ความชื้นหรือไอน้ำจะถูกดูดซับเข้าไปเกาะรอบแกนเกลือแล้วรวมตัวกันเกิดเป็นเมฆ ซึ่งเมฆเหล่านี้จะพัฒนาเจริญขึ้นเป็นเมฆก้อนใหญ่ อาจก่อยอดถึงระดับ 10,000 ฟุต ได้

แถวที่ 2 ช่องที่ 1 – 4 เป็นขั้นตอนที่ 2 เป็นการเร่งการเจริญเติบโตของเมฆที่ก่อขึ้นหรือเมฆเดิมที่มีอยู่ตามธรรมชาติ และก่อยอดขึ้นถึงระดับ 10,000 ฟุต ฐานเมฆสูงไม่เกิน 7,000 ฟุต ใช้เครื่องบินแบบเมฆอุ่นอีกหนึ่งเครื่อง โปรยสารเคมีผงแคลเซียมคลอไรด์ (CaCl2) เข้าไปในกลุ่มเมฆที่ระดับ 8,000 ฟุต (หรือสูงกว่าฐานเมฆ 1,000 ฟุต) ทำให้เกิดความร้อนอันเนื่องมาจากการคายความร้อนแฝง จากการกลั่นตัวรอบ CCN รวมกับความร้อนที่เกิดจากปฏิกิริยาของไอน้ำกับสารเคมี CaCl2 โดยตรง และพลังงานความร้อนจากแสงอาทิตย์ตามธรรมชาติ จะเร่งหรือเสริมแรงยกตัวของมวลอากาศภายในเมฆยกตัวขึ้น เร่งกิจกรรมการกลั่นตัวของไอน้ำและการรวมตัวกันของเม็ดน้ำภายในเมฆ ทวีความหนาแน่นจนขนาดของเมฆใหญ่และก่อยอดขึ้นถึงระดับ 15,000 ฟุต ได้เร็วกว่าที่จะปล่อยให้เจริญขึ้นเองตามธรรมชาติ ซึ่งยังเป็นส่วนของเมฆอุ่น จนถึงระดับนี้การยกตัวขึ้นและจมลงของ มวลอากาศ การกลั่นและการรวมตัวของเม็ดน้ำยังคงเป็นอย่างต่อเนื่องแบบปฏิกิริยาลูกโซ่ แต่บางครั้งอาจมีแรงยกตัวเหลือพอที่ยอดเมฆอาจพัฒนาขึ้นถึงระดับสูงกว่า 20,000 ฟุต ซึ่งเป็นส่วนของเมฆเย็น เริ่มตั้งแต่ระดับประมาณ 18,000 ฟุตขึ้นไป (อุณหภูมิต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียส)

แถวที่ 3 ช่องที่ 1 – 4 เป็นขั้นตอนที่ 3 เป็นการเร่งหรือบังคับให้เกิดฝน เมื่อเมฆอุ่นเจริญเติบโตขึ้นจนเริ่มแก่ตัวจัด ฐานเมฆลดระดับต่ำลงประมาณ 1,000 ฟุต และเคลื่อนตัวใกล้เข้าสู่พื้นที่เป้าหมาย ทำการบังคับให้ฝนตกโดยใช้เทคนิคการโจมตี แบบ Sandwich โดยใช้เครื่องบินเมฆอุ่น 2 เครื่อง เครื่องหนึ่งโปรยผงโซเดียมคลอไรด์ (NaCl) ทับยอดเมฆ หรือไหล่เมฆที่ระดับไม่เกิน 10,000 ฟุต ทางด้านเหนือลม อีกเครื่องหนึ่งโปรยผง ยูเรีย (Urea) ที่ระดับฐานเมฆด้านใต้ลม ให้แนวโปรยทั้งสองทำมุมเยื้องกัน 45 องศา เมฆจะทวีความหนาแน่นของเม็ดน้ำขนาดใหญ่และปริมาณมากขึ้น ล่วงหล่นลงสู่ฐานเมฆทำให้ฐานเมฆหนาแน่นจนใกล้ตกเป็นฝน หรือเริ่มตกเป็นฝนแต่ยังไม่ถึงพื้นดิน หรือตกถึงพื้นดินแต่ปริมาณยังเบาบาง

แถวที่ 4 ช่องที่ 1 – 3 เป็นขั้นตอนที่ 4 เป็นการเสริมการโจมตีเพื่อเพิ่มปริมาณฝนให้สูงขึ้น เมื่อกลุ่มเมฆฝนตามขั้นตอนที่ 3 ยังไม่เคลื่อนตัวเข้าสู่เป้าหมาย ทำการเสริมการโจมตีเมฆอุ่นด้วยสารเคมีสูตรเย็นจัด คือ น้ำแข็งแห้ง (Dry Ice) ซึ่งมีอุณหภูมิต่ำระดับ –78 องศาเซลเซียส ที่ใต้ฐานเมฆ 1,000 ฟุต จะทำให้อุณหภูมิของมวลอากาศใต้ฐานเมฆลดต่ำลง และความชื้นสัมพัทธ์สูงขึ้นจะทำให้ฐานเมฆยิ่งลดระดับต่ำลง ปริมาณ ฝนตก หนาแน่นยิ่งขึ้น และชักนำให้กลุ่มฝนเคลื่อนตัวเข้าสู่พื้นที่เป้าหมายหวังผลได้แน่นอนและเร็วขึ้น

แถวที่ 5 ช่องที่ 1 – 3 เป็นขั้นตอนที่ 5 เป็นการโจมตีเมฆเย็นด้วย Agl ขณะที่เมฆพัฒนายอดสูงขึ้นในขั้นตอนที่ 2 ถึงระดับเมฆเย็น และมีแค่เครื่องบินเมฆเย็นเพียงเครื่องเดียว ทำการโจมตีเมฆเย็นโดยการยิงพลุสารเคมีซิลเวอร์ไอโอไดด์ (Agl) ที่ระดับความสูงประมาณ 21,500 ฟุต ซึ่งมีอุณหภูมิระดับ –8 ถึง –12 องศาเซลเซียส มีกระแสมวลอากาศลอยขึ้นกว่า 1,000 ฟุตต่อนาที และมีปริมาณน้ำเย็นจัดไม่ต่ำกว่า 1 กรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งเป็นเงื่อนไขเหมาะสม ที่จะทำให้ไอน้ำระเหยจากเม็ดน้ำเย็นยิ่งยวด (Super cooled vapour) มาเกาะตัวรอบแกน Agl กลายเป็นผลึกน้ำแข็งได้ด้วยประสิทธิภาพที่ดีที่สุด ไอน้ำที่แปรสภาพเป็นผลึกน้ำแข็งจะทวีขนาดใหญ่ขึ้นจนร่วงหล่นลงมา และละลายเป็นเม็ดฝนเมื่อเข้าสู่ระดับเมฆอุ่น และจะทำให้ไอน้ำและเม็ดน้ำในเมฆอุ่นเข้ามาเกาะรวมตัวกันเป็นเม็ดใหญ่ขึ้น ทะลุฐานเมฆเป็นฝนตกลงสู่พื้นดิน

แถวที่ 6 ช่องที่ 1 – 3 เป็นขั้นตอนที่ 6 เป็นการโจมตีแบบ SUPER SANDWICH จะทำได้ต่อเมื่อมีเครื่องบินปฏิบัติการทั้งเมฆอุ่นและเมฆเย็นใช้ปฏิบัติการได้ครบถ้วน ขณะที่ทำการโจมตีเมฆอุ่นตามขั้นตอนที่ 3 และ 4 ทำการโจมตีเมฆเย็นตามขั้นตอนที่ 5 ควบคู่กันไปในขณะเดียวกัน จะทำให้ฝนตกหนักและต่อเนื่องนานและปริมาณน้ำฝนสูงยิ่งขึ้น เนื่องจากเป็นการประสานประสิทธิภาพของการโจมตีเมฆอุ่นในขั้นตอนที่ 3 และ 4 และโจมตีเมฆเย็นในขั้นตอนที่ 5 ควบคู่กันไปในขณะเดียวกัน เทคนิคการโจมตีนี้โปรดเกล้าฯ ให้เรียกว่า SUPER SANDWICH

แถวล่างสุด ของตำราฝนหลวงพระราชทาน
ช่องที่ 1. “แห่นางแมว” (CAT PROCESSION)
- เป็นการรวมผลหรือประชาสัมพันธ์ (บำรุงขวัญ)
- แมวเกลียดน้ำ (The cat hates water)
- เป็นพิธีกรรมขอฝนที่สืบทอดกันมาแต่โบราณกาล
- เป็นพิธีกรรมด้านจิตวิทยาเมื่อฝนแล้งเกิดความเดือดร้อน ปั่นป่วนวุ่นวายจึงต้องมีจิตวิทยาบำรุงขวัญให้ประชาชน และเจ้าหน้าที่มีกำลังใจ
ช่องที่ 2. “เครื่องบินทำฝน”
- เครื่องบินปฏิบัติการ (เป็นพาหะในการประยุกต์เทคโนโลยีฝนหลวง)
- เครื่องบินต้องกล้าบินเข้าเมฆฝน สำรวจและติดตามผล
- นักบินและนักวิชาการฝนหลวงต้องร่วมมือกัน (The pilot and the rainmakers must cooperate)
ช่องที่ 3. “กบ”
- เลือกนาย หรือขอฝน และเรียกฝน กบร้องแทนอุตุนิยม
- ถ้าไม่มีความชื้นกบเดือดร้อนและกบเตือนให้มีความพยายาม มิฉะนั้นกบตาย ไม่มีฝนเกษตรกรตาย
- ท่านต้องจูบกบหลายตัว ก่อนที่จะพบเจ้าชายเพียงหนึ่งองค์ (You have kiss to a lot of frogs before you meet a prince) หมายความว่า ต้องมีความพยายามทำซ้ำหลาย ๆ ครั้ง เพื่อให้เกิดฝนได้สักครั้ง
ช่องที่ 4. “บ้องไฟ”
- แทนเครื่องบิน (ทำหน้าที่เสมือนเครื่องบินที่เป็นพาหะนำเทคโนโลยีฝนหลวงขึ้นไปประยุกต์ในท้องฟ้า)
- เป็นประเพณีเรียกฝน ไม่ใช้ของเล่น แต่เป็นของจริง ทำฝนด้วยการยิงบ้องไฟ บ้องไฟขึ้นสูงปล่อยควัน เป็นแกนให้ความชื้นเข้ามาเกาะรอบแกนควัน ทำให้เกิดเมฆเกิดฝน บ้องไฟจึงเป็นพิธีการอย่างหนึ่งเป็นวิทยาศาสตร์
แกลเลอรี่

Cr.https://goo.gl/PtG8oH

Cr.https://goo.gl/xTYZdq

Cr.https://goo.gl/QkmKwR
⏳⌛⏳⌛⏳⌛⏳⌛⏳⌛⏳⌛⏳⌛⏳⌛⏳⌛⏳⌛⌛⌛⌛⌛⌛⌛⌛⌛⌛⌛⌛⏳⏳⏳⏳⏳⏳⏳⏳⏳⏳⏳⏳⏳⌛⏳⌛⏳⌛⏳⌛⏳⌛⏳⌛⏳⌛⏳⌛⏳⌛⏳⌛⏳⌛⏳⌛